Monday, April 27, 2009

ชี้ภาวะฉุกเฉินของโลก หวัดหมูระบาด งดเข้าเม็กซิโก-สหรัฐ



ชี้ภาวะฉุกเฉินของโลก หวัดหมูระบาด งดเข้าเม็กซิโก-สหรัฐ

หวัดหมู : เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังผู้โดยสารด้วยการตรวจสแกนอุณหภูมิร่างกาย ผ่านทางเข้าออกสนามบินนาริตะ สนามบินนานาชาติ ทางตะวันออกของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากไข้หวัดหมูกำลังระบาดหนักในเม็กซิโกและสหรัฐ


ชี้ภาวะฉุกเฉินของโลก หวัดหมูระบาด งดเข้าเม็กซิโก-สหรัฐ หวั่นแพร่จากคนสู่คน ยอดตายพรวด81ราย ปัด"โอบามา"ติดเชื้อ รัฐบาลถกรับมือด่วน สธ.คุมเข้มสุวรรณภูมิ องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกประกาศเตือนทั่วโลกระวังไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ระบาด หลังยอดผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูในเม็กซิโกเพิ่มขึ้น และพบผู้ป่วยลามไปถึงบางรัฐในสหรัฐ ทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าอาจเกิดการระบาดใหญ่ขยายตัวไปประเทศอื่น ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของไทยเรียกประชุมด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนรับมือ ฮูเตือนทั่วโลกระวังหวัดหมู สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า องค์การอนามัยโลกออกประกาศเตือนภัยให้ทั่วโลกระวังการระบาดผิดปกติของไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ โดยให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและรายงานให้ WHO ทราบ หลังมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 81 คน และติดเชื้อมากกว่า 1,324 คนในเม็กซิโก ทำให้ต้องสั่งปิดโรงเรียนทั่วกรุงเม็กซิโกซิตี้ รวมทั้งยกเลิกกิจกรรมสาธารณะทั้งหมดไปจนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม ขณะที่ประธานาธิบดีฟิลิเป้ กัลเลดอน อนุมัติคำสั่งฉุกเฉินอนุญาตให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งควบคุมไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ระบาด และล่าสุดพบผู้ป่วยไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ในแคลิฟอร์เนีย แคนซัสและเท็กซัสของสหรัฐแล้ว หวั่นเชื้อแรงขนาดระบาดทั่วโลก นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการWHOกล่าวว่า การระบาดของโรคนี้ในเม็กซิโกและสหรัฐฯกำลังเป็นปัญหาฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับนานาชาติ มีศักยภาพที่จะระบาดไปทั่วโลก เพราะเป็นโรคจากสัตว์ที่แพร่สู่คนได้ แต่WHOยังไม่อาจระบุได้ว่าจะรุนแรงขึ้นถึงขั้นนั้นหรือไม่ ขณะที่มีรายงานอาการของผู้ป่วยหนักในเม็กซิโกคือไข้สูง ปวดศีรษะปวดตา หายใจไม่สะดวก ปวดเมื่อยตามร่างกายมาก อาการป่วยพัฒนารวดเร็วและมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน แถลงการณ์จากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก ซึ่งประชุมฉุกเฉิน ร่วมกันระบุว่า การระบาดของโรคไข้หวัดหมูเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง และเห็นพ้องต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจปรับระดับเตือนภัย ไข้หวัดหมู ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ 3 จากทั้งหมด 6 ระดับ โดยเชื้อไวรัสดังล่าวเป็นสายพันธุ์เดียวกับไวรัสเอช1 เอ็น1 แต่มีความร้ายแรง เนื่องจากติดต่อสู่คนได้ โดยเป็นการรวมกันของไวรัสหมู คนและนก ซึ่งก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกเคยประกาศเตือนว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจทำให้คนติดเชื้อและระบาดทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับล้านคน เม็กซิโกตายแล้ว81ราย ด้านนายโฆเซ แองเกล คอร์โดวา วิลาโลบอส รัฐมนตรีสาธารณสุขของเม็กซิโก เปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดหมู่ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศเพิ่มสูงขึ้นเป็น 81 คนแล้ว และมีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 1,324 คน ขณะเดียวกัน รัฐบาลเม็กซิโกออกมาตรการควบคุมโรค โดยให้อำนาจกระทรวงสาธารณสุขแยกกักตัวผู้ป่วย ตลอดจนตรวจค้นบ้านเรือน นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปประจำสนามบินในกรุงเม็กซิโกซิตี้ เพื่อแจกแบบสอบถามให้ผู้โดยสารเครื่องบินระบุว่ามีอาการไข้หวัดหรือไม่ ตลอดจนแจกหน้ากากอนามัยและแผ่นพับให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดหมูแก่ประชาชนตามสถานีรถโดยสารและรถไฟฟ้าใต้ดิน ปัดข่าวโอบามาติดเชื้อ ขณะเดียวกันรัฐมนตรีสาธารณสุขเม็กซิโกปฏิเสธกระแสข่าวของสื่อในประเทศที่รายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐอาจสัมผัสเชื้อโรคไข้หวัดหมูในช่วงที่เยือนกรุงเม็กซิโกซิตี้เมื่อ 10 วันที่แล้ว หลังโรคเริ่มระบาดในพื้นที่ดังกล่าว แต่ทำเนียบขาวของสหรัฐยืนยันแล้วว่าโอบามาไม่ได้ป่วยด้วยอาการของไข้หวัดหมู มะกันพบป่วยเพิ่มอีก2ราย ส่วนในสหรัฐมีรายงานยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่มอีก 2 รายในรัฐแคนซัส และรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูแล้วทั้งสิ้น 11 ราย แยกเป็นอยู่ในรัฐแคนซัสและรัฐเท็กซัสแห่งละ 2 ราย และแคลิฟอร์เนียอีก 7 ราย เว็บไซต์ของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ระบุว่า อาการป่วยของโรคนี้จะคล้ายไข้หวัดคือ มีอุณหภูมิของร่างกายสูงกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์ (37.77 องศาเซลเซียส) ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ เจ็บคอ หายใจติดขัด บางกรณีอาจมีอาการอาเจียนหรือว่าท้องเสียด้วย หลายปท.ตื่นตัวคุมเข้ม มีปฎิกิริยาจากนานาชาติตื่นตัวต่อสถานการณ์ไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ระบาด โดยรัฐบาลหลายประเทศในละตินอเมริกา และทั่วเอเชียออกคำเตือนประชาชนและใช้มาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเม็กซิโกและสหรัฐ ที่สนามบินและช่องทางเข้าประเทศอื่นๆ อาทิ ที่สนามบินกรุงซานติอาโก เมืองหลวงของชิลีผู้โดยสารที่มาจากสหรัฐและเม็กซิโกต้องเดินผ่านเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ ที่ฟิลิปปินส์กักตัวผู้โดยสารที่กลับจากเม็กซิโกและเป็นไข้ เช่นเดียวกับ อาร์เจนติน่าให้ผู้เดินทางจากเม็กซิโกมารับคำแนะนำถ้ามีอาการติดเชื้อหวัด ส่วนญี่ปุ่นเพิ่มมาตรการตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่ป่วย เปิดบริการสายด่วนให้ความรู้ มีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามถึงวันละ 400 ครั้ง และคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะหารือเรื่องดังกล่าวในวันที่ 27 เมษายน เช่นเดียวกับ เกาหลีใต้เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือประเด็นนี้ ขณะที่จีนและฮ่องกง ซึ่งเคยเผชิญการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ซาร์ส) เมื่อปี 2003 มาแล้ว จับตาสถานการณ์ใกล้ชิด กีวี-ฝรั่งเศสพบผู้ต้องสงสัยติดหวัดหมู มีความเห็นจากนักวิเคราะห์ชี้ว่า ไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่น่าจะแพร่ระบาดไปทั่ว ยากสกัดยับยั้งการแพร่กระจายของโรค เนื่องจากสายพันธุ์ดังกล่าวง่ายที่จะแพร่สู่คน เพราะสามารถปะปนกับโรคทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นอาการสามัญทั่วไป สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานคำให้สัมภาษณ์ของนายโทนี ไรออล รัฐมนตรีสาธารณสุขของนิวซีแลนด์ว่า ได้กักตัวนักศึกษา 22 คนและครู 3 คนของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่เพิ่งกลับจากทัศนศึกษานาน 3 สัปดาห์ในเม็กซิโกไว้ตรวจร่างกาย และตรวจสอบแล้วพบว่านักศึกษา 10 คนมีอาการไข้หวัดจากเชื้อไวรัสชนิดเอ และกำลังตรวจว่าเป็นไวรัสไข้หวัดหมูสายพันธุ์ H1N1หรือไม่ ขณะที่หนังสือพิมพ์เลอปารีเซียงรายงานคำให้สัมภาษณ์ของดดิแยร์ ฮุสแซง ผอ.สาธารณสุขทั่วไปของฝรั่งเศสว่า พบผู้ต้องสงสัย 2 คนที่เพิ่งกลับจากเม็กซิโกอาจติดเชื้อไข้หวัดหมู และมีคนเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะหลายวันนี้มีเที่ยวบินและเรือจากเม็กซิโกเข้าประเทศจำนวนมาก นายกฯเรียกถกด่วน ในส่วนของประเทศไทยนั้นเตรียมรับมือการระบาดของไข้หวัดหมู โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมเชิงปฎิบัติการกับหน่วยงานสาธารณสุขและทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 27-29 เมษายน เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว และหาทางป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดหมู อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดต่อเกี่ยวข้องกับฟาร์มหมู โรงฆ่าหมู เขียงหมู รวมถึงผู้บริโภคเนื้อและเลือดหมู ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมูที่มีลักษณะสุกๆ ดิบๆ หากจำเป็นต้องสัมผัสควรสวมถุงมือทุกครั้ง และจะนำเรื่องนี้เข้าหารือกับคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 28 เมษายนด้วย สธ.ยันไม่พบเชื้อหวัดหมูในไทย ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ประเทศไทยยังไม่เคยพบเชื้อไข้หวัดหมูสายพันธุ์ดังกล่าว แต่สั่งให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดการเฝ้าระวังโรค รวมทั้งประสานองค์การอนามัยโลกและศูนย์ป้องกันควบคุมโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาใกล้ชิด นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า เชื้อดังกล่าวมีการแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ เชื้อที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย แพร่ไปยังผู้อื่นโดยไอหรือจาม ไม่ติดต่อจากการรับประทานเนื้อหมู ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่คือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ มีน้ำมูก หากป่วยและมีอาการดังกล่าว ควรสวมหน้ากากอนามัย ใช้มาตรการหวัดนกรับมือ วันเดียวกันนี้ กรมควบคุมโรคประชุมร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อหามาตรการรับมือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาด โดยนพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า กรมฯจะใช้มาตรการเฝ้าระวังขั้นสูงสุดเช่นเดียวกับการเฝ้าระวังไข้หวัดนก ทั้งการตรวจวินิจฉัย การดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย อีกทั้ง ให้ตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิเทอร์โมสแกนเนอร์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเม็กซิโกและสหรัฐ อีกทั้ง จะออกประกาศกระทรวงแจ้งให้ประชาชนและหน่วยงานสาธารณสุขรับทราบสถานการณ์ของโรคเป็นระยะ เฝ้าระวังผู้ป่วยหวัดใหญ่-ปอดบวม นพ.ม.ล.สมชายยืนยันประเทศไทยยังไม่เคยพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ดังกล่าว ขอประชาชนอย่าวิตกกังวล และจากการตรวจสอบเบื้องต้นในต่างประเทศยังไม่ยืนยันว่าเชื้อดังกล่าวเกิดจากหมู ดังนั้น ประชาชนยังกินเนื้อหมูได้ตามปกติแต่ต้องปรุงให้สุก สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเม็กซิโก แคลิฟอร์เนีย เท็กซัส สหรัฐอเมริกาควรติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หรืองดเดินทางช่วงนี้ "โรคดังกล่าวเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่มีสารพันธุกรรมของหมูและคนผสมกัน เป็นการกลายพันธุ์ของเชื้อในตัวคน ติดต่อจากคนสู่คนไม่ใช่จากหมูมาสู่คน โดยองค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำว่า ให้เฝ้าระวังผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และปอดบวมอย่างใกล้ชิด ซึ่งไทยใช้ระบบเฝ้าระวังผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม เพื่อคัดกรองหาโรคไข้หวัดนก รวมถึงสำรองยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่มาตลอดอยู่แล้ว สามารถเพิ่มเติมรองรับกับโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ได้"อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว เปิดสายด่วนรับข้อมูล24ชั่วโมง และว่า ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคเปิดศูนย์ Call Center ให้ประชาชนสอบถามสถานการณ์ของโรคที่ 0-2590-3333 ตลอด 24 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน เป็นต้นไป รวมทั้งให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่กรมควบคุมโรค ถ้าจำเป็นอาจต้องเปิดศูนย์ปฏิบัติการในระดับกระทรวง เพื่อติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังการระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด ผู้เชี่ยวชาญชี้สายพันธุ์ใหม่-ระบาดเร็ว วันเดียวกัน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์แถลงถึงการระบาดของไข้หวัดหมู ที่เม็กซิโกและสหรัฐว่า เป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในคน เป็นสายพันธุ์ที่มีชิ้นส่วนพันธุกรรมเกิดจากการผสมผสานของไข้หวัดหมู ซึ่งถือเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และหากดูองค์ประกอบเปรียบเทียบกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกันไม่ถึงร้อยละ 80 จึงบ่งชี้ได้ว่าการป้องกันด้วยวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจไม่ได้ผล อย่างไรก็ตาม ไวรัสไข้หวัดหมูยังตอบสนองต่อยาต้านไวรัส ได้แก่ Oseltamivir (Tamiflu) และ Zanamivir แต่สามารถดื้อยา Amantadine สำหรับผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมู สามารถรักษาหายได้ ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย หากเป็นผู้สุขภาพแข็งแรง อาการจะไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่หากเป็นผู้สูงอายุหรือเด็กมีความเสี่ยงมากกว่า รพ.จุฬาฯมั่นใจควบคุมโรคได้ "การระบาดที่เม็กซิโกและสหรัฐน่าจะเป็นการระบาดจากคนสู่คน แพร่กระจายเร็วกว่าไข้หวัดนก แต่มีความรุนแรงทำให้ผู้ได้รับเชื้อเสียชีวิตน้อยกว่าไข้หวัดนก อัตราการตายของผู้ได้รับเชื้อไข้หวัดหมูขณะนี้ 1,000 คน เสียชีวิต 80 คน ขณะที่ไวรัสหวัดนกมีผู้เสียชีวิต 250 คน จากผู้รับเชื้อประมาณ 400 คน อย่างไรก็ตาม การระบาดของไวรัสไข้หวัดหมู ขณะนี้ยังอยู่ไกลจากไทยจึงไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ให้มีมาตรการเฝ้าระวัง โดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มีความพร้อมรับผู้ป่วยและตรวจวินิจฉัยด้านไวรัสได้รวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง ไม่ใช่เป็นวัน ซึ่งถ้ามีระบบควบคุมโรคมีประสิทธิภาพจะแก้ปัญหาได้"ศ.นพ.ยงกล่าว
วันที่ 27/4/2009

ตั้งวอร์รูมสู้หวัดหมู งดไป"เม็กซิโก-4รัฐมะกัน"

วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11370 มติชนรายวันตั้งวอร์รูมสู้หวัดหมู งดไป"เม็กซิโก-4รัฐมะกัน"ตายพุ่ง81กีวีส่อติดเชื้อ10 หมอชี้อย่าตื่น-ไทยไม่เจอ เช็คไข้หวัดหมู

- บริเวณด่านกักกันโรคของสนามบินนานาชาตินาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 เมษายน ได้มีการติดตั้งป้ายระบุอาการของโรคและเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ในการตรวจเช็คผู้โดยสารที่อาจมีเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูอยู่ในร่างกายเพื่อเป็นการเฝ้าระวังไว้ก่อน ขณะที่ไวรัสไข้หวัดหมูกำลังระบาดอย่างหนักในประเทศเม็กซิโก จนเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 80 ราย และพบมีผู้ติดเชื้ออีกกว่า 1,300 คน (เอพี)สธ.ประชุมด่วน รับมือเชื้อไข้หวัดหมู ตั้งวอร์รูมจับตาใกล้ชิด ผุดด่านตรวจสนามบิน เตือนคนไทยงดไปเม็กซิโก-4 รัฐของสหรัฐ ย้ำอย่าตื่นเกินเหตุ กินหมูปรุงสุกได้ ครม.ถกแผนรับมือวันนี้ ปศุสัตว์ยันไม่ระบาดในสุกรไทย ยอดป่วยจังโก้พุ่งเป็น 81 สหรัฐติดเชื้อเพิ่มอีก 2 รัฐ น.ร.กีวีต้องสงสัยอีก 10

@ สธ.ถกด่วนรับมือไข้หวัดหมูความคืบหน้ากรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานการระบาดหนักของโรคไข้หวัดใหญ่หมู หรือไข้หวัดหมู (Swine Flu) สายพันธุ์ใหม่ใน กรุงเม็กซิโก ซิตี้ ประเทศเม็กซิโก และบางรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 เมษายน มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดหมูในเม็กซิโกแล้ว 81 ราย และมีผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดหมูแล้ว ทั้งสิ้นมากกว่า 1,300 ราย นับตั้งแต่วันที่ 13 เมษายนเป็นต้นมา เฉพาะในกรุงเม็กซิโก ซิตี้ ส่งผลให้วันนี้ (26 เม.ย.) ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ของประเทศไทย ได้เรียกประชุมด่วนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการ ที่สำนักงานใหญ่ สธ. จ.นนทบุรี เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 จากนั้น นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัด สธ.ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอุบัติใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้เตรียมการเฝ้าระวังและควบคุมป้องกัน หากมีผู้สงสัยติดเชื้อเดินทาง จากพื้นที่ที่มีการระบาดเข้ามาประเทศไทย สธ. ได้จัดเตรียมเอกสารแนะนำการปฏิบัติตนดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลไว้ที่ด่านตรวจโรคระหว่างประเทศประจำท่าอากาศยานต่างๆ แล้ว ในวันที่ 27 เมษายน จะจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญการควบ คุมโรคทั้งในและนอกกระทรวง รวมทั้งองค์การอนามัยโลก ศูนย์ความร่วมมือไทยสหรัฐด้านสาธารณสุข เพื่อประเมินสถานการณ์และกำหนดแนวทางการดำเนินงาน และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

@ ไทยยังไม่พบ-กินหมูได้ต้องสุกนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการ สธ. กล่าวว่า ขอให้ประชาชนสบายใจ เพราะจนถึง ขณะนี้ไทยยังไม่เคยพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ดังกล่าว และจากการเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 3,159 ราย ไม่มีผู้ เสียชีวิต ซึ่งไม่แตกต่างกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดการเฝ้าระวังโรค รวมทั้งเตรียมความพร้อมรับมือแล้วนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัด สธ. กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากการสอบสวนโรคบ่งชี้ว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 เป็นการติดต่อจากคนสู่คนและทำให้มีผู้เสียชีวิต ลักษณะการติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคนทั่วไป คือเชื้อที่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของ ผู้ป่วย แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกันในระยะใกล้ชิด หรือติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา ไม่ติดต่อจากการกินเนื้อหมู ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่คือ มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ มีน้ำมูก สธ.ยังได้ออกเอกสารข่าวระบุว่า โรคไข้หวัดหมูเกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ (A) สายพันธุ์เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ซึ่งเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของคนที่มีสารพันธุกรรมของเชื้อไข้หวัดใหญ่ในหมูผสมอยู่ด้วย ต่อมายังพบผู้ป่วยด้วยเชื้อเดียวกันนี้อีก 7 ราย ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส สหรัฐ ซึ่งมีชายแดนติดกับเม็กซิโก แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดการระบาดใหญ่ขยายตัวไปประเทศอื่นๆ

@ แพทย์บอกอย่าตื่นเกินเหตุด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอช 1 เอ็น 1 เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่พบได้ในหมู ระดับความรุนแรงยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์ใดทราบชัดเจน ขณะนี้ทั่วโลกอยู่ระหว่างการศึกษา ขณะที่ไทยแม้จะยังไม่พบเชื้อดังกล่าวทั้งในหมูและในคน แต่ไม่ได้ประมาท ขณะนี้ สธ.เตรียมแผนเฝ้าระวังแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกจนเกินเหตุ แต่ควรรับมือด้วยการระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นฟาร์มเลี้ยงหมู ต้องรู้จักสังเกต หากพบว่ามีหมูป่วยหรือตาย ต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดทันที รวมทั้งอย่าสัมผัสหมูโดยตรง ส่วนประชาชนที่บริโภคหมูก็ไม่ต้องกลัว เพราะหากปรุงสุกก็ไม่มีอะไรอันตราย

@ ตั้งด่านสกัดคนเม็กซิโก-2รัฐมะกันนพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบ คุมโรค กล่าวถึงผลการประชุมร่วมกับผู้แทนองค์การอนามัยโลก เมื่อคืนวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมาว่า องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้ประกาศให้การระบาดของโรคดังกล่าวเป็นภาวะฉุกเฉินระดับ 4 (การระบาดใหญ่) แต่ยังเป็นเพียงระดับ 3 คือ ให้เน้นเรื่องของการเฝ้าระวังและควบคุมการระบาดในแต่ละพื้นที่เท่านั้น ในส่วนของไทยได้สั่งการให้ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศเตรียมพร้อมติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิเทอร์โมแกนเนอร์ บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติ โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในจุดที่มีเครื่องบินหรือผู้ที่มาจากพื้นที่ที่มีการระบาดทั้งเม็กซิโก และบางส่วนของสหรัฐ และให้แจกเอกสารคำเตือนด้านสาธารณสุข (Health Card) แก่ผู้เดินทางเข้าและออกนอกประเทศ

@ ให้งดไปจังโก้-สหรัฐชั่วคราวนพ.ม.ล.สมชายกล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ สธ.ได้เตือนให้คนไทยงดการเดินทางไปเม็กซิโกและบางรัฐของสหรัฐ เช่น แคลิฟอร์เนีย เท็กซัส ที่มีการระบาดของโรคในขณะนี้ รวมทั้งให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ที่กรมควบคุมโรค หากมีความจำเป็นอาจจะ ต้องเปิดศูนย์ปฏิบัติการในระดับกระทรวงเป็น วอร์รูมติดตาสถานการณ์และเฝ้าระวังการระบาดของโรคอย่างใกล้ชิดต่อไป" นพ.ม.ล.สมชายกล่าว และว่า ล่าสุด องค์การอนามัยโลกให้คำแนะนำกรมควบคุมว่าต้องเฝ้าระวังผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และปอดบวมอย่างใกล้ชิด เพราะปกติไข้หวัดใหญ่ในคนจะพบเชื้อสายพันธุ์เอช 3 เอ็น 2 (H3N2) มากกว่าเชื้อสายพันธุ์เอช 1 เอ็น 1 ขณะนี้กรมควบคุมโรคได้จัดเตรียมยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่สามารถรักษาโรคนี้ได้ ซึ่งมีเพียงพออยู่แล้ว

@ ครม.ถกนโยบายรับมือที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการระบาดของไข้หวัดหมูที่เม็กซิโกและสหรัฐว่า ปัญหาในเชิงนโยบายทั้งหมดจะหารือกันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 เมษายนขณะที่ นายสัตวแพทย์นิรันดร เอื้องตระกูลสุข ผู้อำนวยการสำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ยังไม่มีการพบ การกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดหมูในประเทศไทยแน่นอน แต่กรมปศุสัตว์ไม่ได้นิ่งนอนใจ จะ ประสานไปยังองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ หรือโอไออี และองค์การอนามัยโลกขอทราบข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับโรคไข้หวัดหมูว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เป็นสายพันธุ์ใหม่จริงหรือไม่ ขณะเดียวกันได้ประสานทางวาจาไปยังด่านนำเข้าสัตว์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะด่านสุวรรณภูมิและท่าเรือให้แจ้งผู้ประกอบการชะลอการนำเข้าสุกร และพ่อแม่พันธุ์จากเม็กซิโกและสหรัฐออกไปก่อน นอกจากนี้ จะเร่งประชาสัมพันธ์แจ้งให้เกษตรกรปรับปรุงระบบการเลี้ยงสัตว์ใหม่ โดยเฉพาะการแยกระหว่างหมูกับสัตว์ปีกไม่ให้ปะปนกัน

@ เม็กซิโกตายพุ่ง81ป่วย1.3พันด้านความคืบหน้าของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดหมูที่เม็กซิโก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 26 เมษายน ว่า นาย โฮเซ่ อังเคล คอร์โดวา รัฐมนตรีสาธารณสุข ของเม็กซิโกระบุว่า โรคระบาดตัวใหม่คร่าชีวิตผู้คนที่นั่นไปแล้ว 81 ราย มีผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดหมูแล้วทั้งสิ้นมากกว่า 1,300 ราย นับตั้งแต่ วันที่ 13 เมษายนเป็นต้นมา ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 25-45 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณของความน่าเป็นห่วง เพราะโรคนี้มีลักษณะเหมือนโรคระบาดครั้งร้ายแรงในอดีตจากการ ที่มีอัตราของผู้เสียชีวิตอยู่ในวัยที่มีสุขภาพแข็งแรงสูง ด้านประธานาธิบดีเฟลิเป คัลเดรอน ของ เม็กซิโกออกกฤษฎีกาฉบับใหม่ให้อำนาจสั่งแยกผู้ติดเชื้อออกมา รวมถึงตรวจสอบที่พักอาศัย ของผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้ ทหารและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเม็กซิโกต้องออกตรวจตราตามสนามบินและสถานีรถประจำทางเพื่อค้นหา ผู้ต้องสงสัยมีอาการป่วย ชาวเม็กซิโกต้องหลบอยู่แต่ในบ้าน ตลาดหลายแห่งและร้านอาหารแทบจะว่างเปล่า ขณะที่โรงพยาบาลแออัดไปด้วย ผู้คนเนื่องจากมีหลายคนที่รีบมาตรวจแม้จะมีไข้เพียงเล็กน้อย กิจกรรมทุกอย่างตั้งแต่การแสดงคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬาและการสวดมนต์ในโบสถ์ถูกยกเลิกไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนมารวมตัวกันซึ่งอาจเป็นการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนจำนวนมาก

@ สหรัฐพบผู้ป่วยเพิ่มอีก2รัฐขณะที่โรงพยาบาลในสหรัฐหลายแห่งต้องเฝ้าระวังผู้ที่มีอาการของไข้หวัด ล่าสุดยืนยันว่าพบผู้ที่ป่วยเพิ่มอีก 2 รายในรัฐแคนซัส และ รัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูแล้วทั้งสิ้น 11 รายในสหรัฐ แยกเป็นอยู่ในรัฐแคนซัสและรัฐเท็กซัสแห่งละ 2 ราย และแคลิฟอร์เนีย อีก 7 ราย ขณะที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้ออกมาเตือนว่าโรคไข้หวัดหมูอาจแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับประกาศให้ไข้หวัดหมูเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่น่าเป็นห่วงในระดับนานาชาติ โดยนางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการของฮูเรียกร้องให้มีการเฝ้าระวังทั่วโลกสำหรับการเกิดโรคติดต่อผิดปกติที่มีอาการป่วยคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่เว็บไซต์ของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) ระบุว่า อาการป่วยของโรคนี้จะคล้ายไข้หวัด คือมีอุณหภูมิของร่างกายสูงกว่า 100 องศาฟาเรนไฮต์ (37.77 องศาเซลเซียส) ปวดเมื่อยตามร่างกาย ไอ เจ็บคอ หายใจติดขัด บางกรณีอาจมีอาการอาเจียนหรือว่าท้องเสียด้วย สาเหตุที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วเนื่องจากคนไม่มีภูมิต้านทานโรคชนิดนี้ตามธรรมชาติ และวัคซีนสำหรับโรคนี้จะต้องใช้เวลาหลายเดือนในการพัฒนาขึ้นมา

@ สงสัย10น.ร.กีวีติดเชื้อขณะที่หลายประเทศในทวีปเอเชียได้เตรียมการเฝ้าระวังไข้หวัดหมูอย่างเต็มที่ บางประเทศตั้งจุดตรวจเช็คสุขภาพของผู้โดยสารขาเข้ารวมทั้งตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อหมูที่นำเข้ามาจากเม็กซิโกอย่างเข้มงวด ที่นิวซีแลนด์มีรายงานข่าวระบุว่า เด็กนักเรียน 10 คน ที่เพิ่งกลับมาจากเม็กซิโก ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัด และมีความเป็นไปได้ว่า อาจเป็นไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ซึ่งยังต้องรอการยืนยันจากการส่งตัวอย่างไปตรวจยังสำนักงานใหญ่ของฮูอีกครั้ง ด้านทำเนียบขาวของสหรัฐแถลงว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐยังคงมีสุขภาพแข็งแรงดีภายหลังจากที่เพิ่งกลับจากเม็กซิโกได้เพียงสัปดาห์กว่า
ที่มา
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01p0107270452&sectionid=0101&selday=2009-04-27

ชาติอาเซียนเร่งรับมือไข้หวัดหมู เขมรตื่นข่าวลือแรง


ว่ายิ่งกว่าไข้หวัดนกที่เคยระบาดเลิกกินหมู ทำให้ยอดสั่งซื้อหมูจากตลาดโรงเกลือฝั่งไทยลดฮวบ ขณะที่เลขาฯ อาเซียนเผยมีวัคซีนในสต็อก 5 แสนโดส พร้อมช่วยเหลือชาติที่มีการแพร่ระบาด..วันนี้ (27 เม.ย.) นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน เปิดเผยว่า ที่สำนักงานเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไข้หวัดหมูในเม็กซิโก



ที่มา google map
โดยจะออกแถลงการณ์ 'อาเซียน วัน เฮลท์' (ASEAN One Health) ประสานนโยบายด้านสาธารณสุขของประเทศในอาเซียน 10 ประเทศ เพื่อช่วยกันหาแนวทางการรับมือ ควบคุมการแพร่ระบาด และมาตรการแก้ไขปัญหาหากเกิดการแพร่ระบาดในภูมิภาคเลขาธิการอาเซียน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนกที่คล้ายกับไข้หวัดที่แพร่ระบาดอยู่ในตอนนี้ประมาณ 500,000 โดส เก็บไว้ในคลังยาที่ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้ความช่วยเหลือของประเทศญี่ปุ่น โดยวัคซีนดังกล่าวจะสามารถนำออกมาให้ช่วยเหลือประชาชนในภูมิภาคอาเซียนได้ทันที อย่างไรก็ตาม การแสดงถึงความพร้อมของอาเซียนในการจัดการกับการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดหมู มีผลในแง่จิตวิทยา ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในด้านการค้า การส่งออก และการท่องเที่ยววันเดียวกัน พญ.นลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงถึงมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เอช 1 เอ็น 1 หรือ ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก ว่า ได้ประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมการรับมือกับโรค โดยสั่งให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ดูแลคนไข้โดยใช้วิธีคัดกรองผู้ป่วยเช่นเดียวกับการป้องกันโรคไข้หวัดนก คือเมื่อพบว่ามีอาการผิดสังเกตให้แยกผู้ป่วยจากผู้ป่วยทั่วไป และยาที่ใช้มีเพียงพอต่อการรักษา ถ้าพบผู้สงสัยว่าอาจจะติดเชื้อ และเชื้อดังกล่าวไม่ได้ดื้อยาก็เชื่อว่าจะป้องกันได้แน่นอนรองผู้ว่าฯกรุงเทพฯ กล่าวเพิ่มว่า อยากฝากไปยังประชาชนว่า การรับประทานเนื้อหมูไม่ได้ทำให้ติดเชื้อโรค และไม่ทำให้ติดเชื้อโรค ไม่ควรไปตื่นตระหนกกับโรคนี้มากเกิดไป เพราะขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ในพื้นที่ กทม. แต่เตือนให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ชุมนุมชน อาทิ โรงภาพยนตร์ เป็นต้น ควรที่จะสวมหน้ากากป้องกันเชื้อโรคด้วยนางสมลักษณ์ พิเศษเมธา แม่ค้าขายส่งและขายปลีกเนื้อหมูชำแหละ ตลาดสด อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส กล่าวว่า หลังมีกระแสข่าวเรื่องราคาเนื้อหมูปรับสูงขึ้น และข่าวการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดหมูในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศเม็กซิโกมีคนตายแล้ว 80 กว่าศพ ทำให้คนซื้อหมูขยาดอย่างเห็นได้ชัดขณะที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายโจม มอง พ่อค้าชาวกัมพูชา กล่าวว่า ข่าวโรคไข้หวัดหมูระบาดและยังไม่มีวิธีรักษา ทำให้ชาวเขมรในฝั่งปอยเปต และ จ.พระตะบอง ต่างไม่กล้าซื้อเนื้อหมูกิน ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรหันมาซื้อเนื้อไก่ และปลาสด จากฝั่งไทยไปขายแทน จากปกติจะต้องซื้อเนื้อหมูไปขายในกัมพูชาวันละประมาณ 100-150 ก.ก. แต่วันนี้ต้องซื้อไปแค่ 30 ก.ก.เพราะกลัวขายไม่ได้ พร้อมทั้งยอมรับว่าในฝั่งปอยเปต มีชาวเขมรลือกันมากว่าโรคไข้หวัดหมูรุนแรงกว่าไข้หวัดนกทำให้ชาวเขมรไม่กล้าซื้อและกิน รวมทั้งชาวเขมรยังไม่มีความรู้และความเข้าใจในเรื่องไข้หวัดหมูนายจารึก บัวชุม จนท.ด่านศุลกากรอรัญประเทศ เผยว่าประเทศไทยมีการส่งออกหมูเป็นเข้ากัมพูชาวันละประมาณ 100 ตัวหรือเดือนละประมาณ 2,800 ตัว แต่หลังจากข่าวมีโรคไข้หวัดหมูหรือไข้หวัดใหญ่แม็กซีโกระบาดถึงแม้จะยังไม่มีการระบาดเข้ามาในประเทศไทยหรือประเทศกัมพูชา อีกทั้งจากสภาพราคาหมูที่สูงขึ้น แต่ก็ทำให้ชาวกัมพูชาตื่นตระหนกพอสมควรและได้มีการสั่งหมูเป็นจากไทยลดลงวันเดียวกันจากการสอบถามพ่อค้า แม่ค้า ตลาดไท และตลาดยิ่งเจริญ ถึงข่าวการระบาดของโรคไข้หวัดหมู พบว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ ที่กระทบคือราคาหมูที่สูง เพราะช่วงนี้มีอากาศร้อน หมูเติบโตช้า ทำให้มีผลผลิตช้าตามไปด้วย ส่วนการระบาดของโรคไข้หวัดหมูนั้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้ทราบว่า หากกรณีที่บริโภคแล้ว มีโอกาสติดเชื้อหรือไม่ เนื่องจากยังมีความแคลงใจในประเด็นนี้อยู่ ขณะเดียวกันต้องวางมาตรการอย่างเข็ม ไม่ให้แพร่ระบาด ไม่เช่นนั้นธุรกิจค้าหมูจะได้รับควมเสียหาย
ที่มา
http://www.thairath.co.th/

Wednesday, April 22, 2009

สรุป
ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงนั้นมาจากอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และดื่มแอลกอฮอลมากโดยไม่ออกกำลังกาย

•ไขมันคอเลสเตอร์รอลสูงเกิดจากอารมณ์เครียดไปกระตุ้นตับให้สังเคราะห์คอเลสเตอร์รอลมากเกินไป รวมทั้งอาหารที่มีไขมันจากสัตว์มากก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตับเสื่อมจนมีคอเลสเตอร์รอลในเลือดมากเกินไป โดยปกติร่างกายสามารถรับไขมันคอเลสเตอร์รอลจากอาหารได้ประมาณ 30% (ส่วนที่เกินจะถูกขับออกจากร่างกายหรือเก็บไว้ในรูปอื่น) และจากที่ตับสังเคราะห์ขึ้นเองอีก 70% ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกระตุ้นจากอารมณ์และความเครียด ดังที่กล่าวแล้ว

•ไขมัน แอล.ดี.แอล. เป็นไขมันที่จะสูงต่ำตามปริมาณไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอเลสเตอร์รอลในเลือด ตับจะทำหน้าที่สังเคราะห์ไขมัน แอล.ดี.แอล. เพื่อช่วยลำเลียงไขมันในเลือด แอล.ดี.แอล.ที่มีปริมาณสูงเกินไปจะทำอันตรายต่อผลังหลอดเลือดแดงให้เกิดระคายเคืองและฝังตัวสะสมอยูในผนังหลอดเลือดแดงทำให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวและอุดตัน ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่าย

โรคเบาหวานมี 2 ชนิด คือ
เบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุทำให้ตับอ่อนถูกทำลายถาวร จำเป็นต้องรักษาตลอดชีวิต
เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากการบริโภคอาหารไม่ถูกต้องติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าโรคเบาหวานเป็นกรรมพันธุ์ เมื่อพ่อแม่เป็นตนเองก็คงต้องเป็นโรคนี้ด้วย นับว่าเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั้นแท้จริงแล้วเกิดจากมีพฤติกรรมเลียนแบบการบริโภคตามอย่างพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่กินอะไรก็มักจะให้ลูกกินด้วย เมื่อพ่อแม่ป่วยเป็นโรคเบาหวานก็มีความเป็นไปได้สูงที่ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานไปด้วย เพราะเป็นครอบครัวที่บริโภคแต่อาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และมักไม่ออกกำลังกาย หรือเป็นคนอ้วนทั้งครอบครัว
เด็กในปัจจุบันเริ่มป่วยเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุเพียง 18 ปีเริ่มปรากฎให้เห็นกันแล้ว เพราะพ่อแม่ขาดความรู้
สาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แท้จริงแล้วเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ
1. ร่างกายสะสมน้ำตาล และไขมันส่วนเกินไว้มากเกินไป เนื่องจากการบริโภคอาหารที่ให้พลังงานล้นเกิน
2. น้ำตาลและไขมันส่วนเกินไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน และกลายเป็นสารพิษสะสมอยู่ตามเซลล์ทั่วร่างกาย เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินที่ไม่สามารถนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้สร้างพลังงานให้ร่างกายได้ตามปกติ
ผู้ป่วยเบาหวานจึงมักมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากร่างกายขาดพลังงานทั้งๆที่มีวัตถุดิบคือน้ำตาลอยู่อย่างล้นเกิน เมื่อมีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานๆอาการของโรคก็จะแพร่ขยายมากขึ้น ทำให้เลือดมีสารพิษสะสมมากยิ่งขึ้นจนมีอาการเลือดเป็นพิษ เกล็ดเลือดช่วยสมานแผลไม่ได้ ดังนั้นเมื่อมีแผลเกิดขึ้นจึงรักษาไม่หายและแผลอาจลูกลามใหญ่โตจนอาจต้องตัดอวัยวะส่วนนั้นทิ้งไป
อาการของโรคหัวใจ โรคต้อกระจก และโรคไตจะเกิดตามมาถ้าผู้ป่วยไม่พยายามควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลง
ผู้ป่วยที่เป็นทั้งโรคเบาหวานและโรคหัวใจเรื้อรังควรระมัดระวังภาวะหัวใจวายโดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้าซึ่งอาจเสียชีวิตอย่างฉับพลันได้ เนื่องจากระบบประสาทอัตโนมัติของผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะบกพร่องจนไม่สามารถรู้สึกถึงอาการวายของหัวใจที่กำลังดำเนินอยู่นั่นเอง
1. ล้างพิษด้วยอาหารที่เป็นธรรมชาติ ประกอบด้วยสารอาหารที่สมดุล และให้พลังงานต่ำ
2. ฟื้นฟูตับและตับอ่อนให้แข็งแรงเพื่อเพิ่มคุณภาพของฮอร์โมนอินซูลินด้วยวิธีโภชนาการบำบัดแบบองค์รวมการมีโภชนาการที่ดีด้วยอาหารที่เป็นธรรมชาติ มีความสมดุลของสารอาหารอย่างพอเหมาะและให้พลังานไม่มากจะช่วยให้ตับสามารถขับสารพิษได้ดีและฟื้นฟูตับอ่อนไปพร้อมๆกัน ถือเป็นวิธีการแก้ปัญหาด้วยหลักโภชนาการบำบัดที่ปลอดภัยเพราะเมื่อสารพิษในร่างกายลดลง สารพิษที่เกาะติดอยู่ตามผนังเซลล์ทั่วร่างกายก็จะถูกกำจัดออกไปด้วย ทำให้ระบบการทำงานของเซลล์กลับมาทำงานได้เป็นปกติ ในขณะที่ฮอร์โมนอินซูลินก็จะมีคุณภาพดีขึ้นเพราะตับอ่อนแข็งแรง เป็นเหตุให้น้ำตาลขยะที่ล้นเกินสามารถถูกระบบในร่างกายกำจัดทิ้ง และน้ำตาลที่ดีจะถูกฮอร์โมนินซูลินนำเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้สร้างพลังงานต่อไป ร่างกายจะรู้สึกสบายตัวและมีกำลังวังชามากขึ้น ระดับน้ำตาลที่สูงจะกลับสู่ปกติได้ในที่สุดด้วยขบวนการที่ร่างกายสามารถปรับสมดุลได้เองตามธรรมชาติ
ที่มา http://www.zegrain.com/knowledge.htm

ไขมัน ความดัน และปัญหาหลอดเลือด

ไขมัน แป้ง และน้ำตาลคืออาหารกลุ่มที่ให้พลังงานกับร่างกาย เมื่อผ่านกระบวนการย่อยแล้วแป้งจะถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาล และไขมันก็จะถูกย่อยให้มีขนาดเล็กลงเพื่อผ่านเข้าสู่ตับ ตับจะทำหน้าที่นำน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดเท่าที่ร่างกายต้องการ น้ำตาลส่วนที่เกินจะถูกเก็บไว้ที่ตับเพื่อสำรองไว้เป็นพลังงานในยามฉุกเฉินส่วนหนึ่ง และน้ำตาลอีกส่วนหนึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บไว้ในร่างกาย
ส่วนไขมันที่มาจากอาหารจะถูกย่อยในลำไส้เล็กเพื่อเปลี่ยนเป็นไขมันที่มีขนาดเล็กลงเพื่อร่างกายสามารถใช้ประโยชน์ได้ ไขมันส่วนที่เกินร่างกายจะกำจัดทิ้งหรือถ้ามากเกินไปก็จะส่งไปเก็บไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกายเช่นกัน
ดังนั้นไขมันส่วนเกินที่มาจากทั้งสองแหล่งดังกล่าวตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนเป็นไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ คอเลสเตอร์รอล และแอล.ดี.แอล.เพื่อนำเข้าสู่กระแสเลือดต่อไป แต่ถ้าในกรณีมีปริมาณไขมันทั้งสามชนิดมากเกินความต้องการของร่างกายตับอาจจำเป็นต้องปล่อยให้เข้าสู่กระแสเลือดจนมีระดับไขมันในเลือดสูงได้ ทำให้เลือดข้นและหนืด เกล็ดเลือดทำงานได้ไม่ดีและหลอดเลือดอาจมีปัญหาเริ่มแข็งตัวเนื่องจากอิทธิพลของไขมัน แอล.ดี.แอล. และอุดตันได้ง่าย ทำให้หัวใจมีเลือดเข้าไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอหัวใจจึงต้องทำงานหนักขึ้นเป็นเหตุให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง และอาจส่งผลกระทบถึงเส้นเลือดในบริเวณอื่นได้ เช่นเส้นเลือดในสมองแตก เป็นต้น
อีกกรณีหนึ่งที่ทำให้ความดันโลหิตสูงได้คือร่างกายมีปริมาณเกลือโซเดี่ยมสูงซึ่งจะส่งผลให้ธาตุโปแตสเซี่ยมต่ำทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้น จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้เนื่องจากกินอาหารรสจัดหรือเค็มมากเกินไปทำให้แร่ธาตุขาดสมดุล
พยายามรับประทานอาหารที่เป็นรรมชาติที่มีคุณค่าทางโภชนาการสมดุลและให้พลังงานต่ำเพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ช่วยให้ตับควบคุมและสังเคราะห์ไขมันให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อลดปัญหาไขมันในเลือดสูง ทำให้เลือดไม่ข้นหนืดเป็นการยับยั้งการแข็งตัวของหลอดเลือด และป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด อาหารธรรมชาติดังกล่าวจึงช่วยแก้ปัญหาทั้งเรื่องการควบคุมไขมันในเส้นเลือด ความดันโลหิต ปรับแร่ธาตุให้สมดุลและป้องกันปัญหาหลอดเลือดแข็งตัวได้พร้อมกัน
ที่มา http://www.zegrain.com/knowledge.htm

ตับ อวัยวะที่ควรเอาใจใส่

ตับ เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย ตับของผู้ใหญ่จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ 1.5 กิโลกรัม และที่น่าสนใจมากก็คือ ปริมาณโลหิตในร่างกายทั้งหมดซึ่งมีประมาณ 5,000 ซีซี. (5 ลิตร) จะไหลเวียนผ่านตับ 1 รอบใช้เวลาเพียง 4-5 นาทีเท่านั้น หรืออาจกล่าวให้น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีกว่า ตับเป็นอวัยวะที่มีเลือดในร่างกายไหลผ่านถึงวันละ 360 รอบ คิดเป็นจำนวนเลือดที่ไหลผ่านมีปริมาณมากถึงวันละ 1,800 ลิตร (คิดเป็นน้ำหนักถึง 1.8 ตัน) ถ้าเปรียบตับเป็นเครื่องยนต์ก็ต้องถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ทำงานหนักที่สุด เพราะทำงานต่อเนื่องนานหลายสิบปีโดยไม่หยุดเลย
ตับเป็นอวัยวะที่มีความแข็งแรงมาก และจะต้องทำงานไปตลอดอายุขัยของเจ้าของ ถ้าจะกล่าวถึงหน้าที่ของตับแล้วนับว่ามากมายทีเดียว ตับเป็นทั้งอวัยวะแห่งการสร้าง ซ่อมแซม ควบคุม เก็บกัก และขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งสามารถกล่าวโดยย่อดังนี้
• อวัยวะแห่งการสร้าง ตับสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย สร้างโปรตีนหลายชนิดเพื่อให้ร่างกายนำไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างน้ำย่อยที่เรียกว่าน้ำดีไว้ใช้ย่อยอาหารในลำไส้ แม้กระทั่งสร้างหรือสังเคราะห์ไขมันเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตฮอร์โมนไว้หล่อเลี้ยงระบบต่างๆในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ เช่น ระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบย่อยอาหาร ระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น
• ตับช่วยซ่อมแซม เช่นเมื่อเซลล์ของตับอ่อนถูกทำลายหรือเสื่อมสภาพเนื่องจากอาการของโรคเบาหวาน ตับก็จะทำหน้าที่ช่วยพยุงให้ตับอ่อนสามารถทำงานต่อไปได้ และยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนให้กลับเป็นปกติได้ด้วย ดังนั้น ถ้าตับมีสุขภาพดีการควบคุมน้ำตาลในเลือดก็จะดีตามไปด้วยเพาะตับอ่อนมีสุขภาพดีนั่นเอง โรคเบาหวานจึงเป็นโรคที่สามารถควบคุมได้ถ้ามีตับที่แข็งแรง
• ตับช่วยควบคุม เช่นควบคุมการใช้พลังงานของร่างกาย ควบคุมการขับสารพิษให้ออกจากร่างกาย ควบคุมการนำสารอาหารที่ย่อยแล้วจากลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายอย่างเหมาะสมซึ่งเป็นกลไกที่มีความสำคัญที่สุดของการมีสุขภาพดี
• ตับช่วยเก็บกัก เช่น เก็บพลังงานไว้ใช้ในยามจำเป็นเมื่อประสบภัยอย่างกระทันหันร่างกายจะมีพละกำลังมหาศาล เช่นยกตู้เย็นวิ่งหนีไฟไหม้เป็นต้น นอกจากนั้นตับยังทำหน้าที่เก็บสะสมวิตามินและเกลือแร่มากมายไว้ให้ร่างกายได้ใช้ในทุกกิจกรรม
• ตับขับของเสียออกจากร่างกาย สารอาหารที่ย่อยแล้วถ้ามีปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ตับจะถือว่าเป็นสารพิษที่ต้องขับทิ้งออกจากร่างกาย แต่ถ้าอาหารเหล่านั้นมีปริมาณมากเกินกว่าที่ตับจะสามารถขับทิ้งได้หมดตับก็จะเฉื่อยชาและเริ่มเสื่อมสภาพ สารพิษหรืออาหารเหล่านั้นก็จะแทรกตัวเข้ากระแสเลือดเข้าสู่ร่างกาย นี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาสุขภาพ และนำมาซึ่งโรคภัยร้ายแรงในที่สุด เช่น เริ่มจากมีน้ำหนักตัวเกิน ไขมันในเลือดเริ่มสูง มีความดันโลหิตสูงตามมา เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ สมองขาดเลือด ต้อกระจก และโรคไตวาย ตามลำดับ และอาจมีกลุ่มอาการของโรคอื่นแทรกขึ้นมาอีกก็ได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคตับ หรือโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง หรือโรคภูมิแพ้ เป็นต้น
ตับจึงเป็นอวัยวะที่ต้องเอาใจใส่เพราะการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีสุขภาพแข็งแรงนั้นต้องขึ้นอยู่กับสุขภาพของตับเป็นสำคัญ หลายคนเข้าใจผิดไปให้ความสำคัญกับสมองและหัวใจมากกว่า พยายามหาอาหารเสริมราคาแพงมาบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วตับเป็นอวัยวะที่หล่อเลี้ยงสมองและหัวใจ การดูแลตับให้แข็งแรงมีวิธีเดียวคือการมีโภชนาการที่สมดุลและเพียงพอ กินอาหารที่ปรุงแต่งน้อยและเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด ตับต้องการพลังงานจากอาหารไม่มากเพราะตับสามารถสร้างพลังงานได้เอง แต่ตับต้องการเกลือแร่ วิตามิน สารจากธรรมชาติ ( Phyto-nutrients ) และโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้การทำงานของตับดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด
เราทราบว่าโดยธรรมชาติแล้วตับเป็นอวัยวะที่มีความแข็งแรงมาก เพราะกว่าจะทราบว่าตับมีปัญหาก็ต่อเมื่อร่างกายมีอาการของโรคปรากฎขึ้นแล้วทั้งนั้น เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด โรคหัวใจ สมองขาดเลือด โรคมะเร็งตับ เป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องดูแลสุขภาพตับให้มั่นใจว่าแข็งแรงจริงๆ
ท่านที่สนใจจะมีสุขภาพดีด้วยการดูแลสุขภาพตับให้สมบูรณ์แข็งแรง สามารถติดต่อขอข้อมูลได้ที่ศูนย์ซีเกรน นี้ก็ได้

ที่มา http://www.zegrain.com/knowledge.htm

Tuesday, April 21, 2009

วิธีขับถ่ายปัสสาวะเพื่อสุขภาพที่ดี
ทราบหรือไม่ว่า การขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติเพื่อสุขภาพที่ดีนั้นทำอย่างไร วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก... - อย่ากลั้นปัสสาวะ เมื่อรู้สึกปวดต้องไปปัสสาวะ
- เวลาปัสสาวะไม่ควรรีบร้อนเบ่งมาก เพราะอาจทำให้หูรูดปัสสาวะชำรุดได้
- ควรถ่ายปัสสาวะให้เหลือน้อยที่สุดในหนึ่งครั้ง คือ เมื่อรู้สึกถ่ายหมดแล้วให้เบ่งต่ออีกนิดหน่อย ปัสสาวะที่เหลือจะไหลออกมา
- ไม่ควรบังคับให้ถ่ายปัสสาวะบ่อย เพราะจะติดเป็นนิสัย เวลาที่เหมาะสมคือ 2-4 ชั่วโมงควรถ่ายปัสสาวะหนึ่งครั้ง
- ให้สังเกตการถ่ายปัสสาวะ และน้ำปัสสาวะทุกครั้งว่า ต้องเบ่งมากผิดปกติหรือไม่ น้ำปัสสาวะลำพุ่งดีหรือไม่ ลำน้ำปัสสาวะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมหรือไม่ น้ำปัสสาวะมีสีเหลืองใสหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการผิดปกติที่สามารถบอกโรคได้
- อาจจะล้างทำความสะอาดหลังปัสสาวะ แต่อย่าให้บริเวณนั้นเปียกชื้น เพราะอาจเกิดเชื้อราได้ ทางที่ดีหลังปัสสาวะทุกครั้ง ควรซับให้แห้ง
- เมื่อปัสสาวะไม่ออก ต้องหาสาเหตุโดยการไปพบแพทย์ อย่าซื้อยาขับปัสสาวะรับประทานเพราะจะเกิดอันตรายได้
- เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน การบริหารอุ้งเชิงกรานโดยการขมิบ (ฝ่ายหญิงขมิบช่องคลอด ฝ่ายชายขมิบทวารหนัก) วันละ 100 ครั้ง จะช่วยป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด
- ดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว หรือหนึ่งลิตร จะช่วยให้น้ำปัสสาวะใส มีจำนวนพอดีและป้องกันภาวะปัสสาวะอักเสบ
- ก่อนมีเพศสัมพันธ์ และหลังมีเพศสัมพันธ์ คุณผู้หญิงควรถ่ายปัสสาวะทิ้ง จะช่วยป้องกันการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- น้ำปัสสาวะจะต้องเป็นน้ำเท่านั้น ถ้ามีมูก หนอง น้ำเหลือง เลือดปนออกมา ถือว่าผิดปกติต้องไปพบแพทย์
- การขับถ่ายปัสสาวะ ต้องขับถ่ายคล่องไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้าปัสสาวะแสบขัดลำบากนับว่าเป็นอาการผิดปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์
- ทุกคนต้องปัสสาวะทุกวัน วันละ 4-6 ครั้ง ถ้าไม่ปัสสาวะเลย 1 วันถือว่าตกอยู่ในภาวะอันตรายต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
รู้อย่างนี้แล้ว ควรขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติเพื่อสุขภาพที่ดี.
ที่มา http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=72647&NewsType=2&Template=1