สรุป
ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงนั้นมาจากอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และดื่มแอลกอฮอลมากโดยไม่ออกกำลังกาย
•ไขมันคอเลสเตอร์รอลสูงเกิดจากอารมณ์เครียดไปกระตุ้นตับให้สังเคราะห์คอเลสเตอร์รอลมากเกินไป รวมทั้งอาหารที่มีไขมันจากสัตว์มากก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตับเสื่อมจนมีคอเลสเตอร์รอลในเลือดมากเกินไป โดยปกติร่างกายสามารถรับไขมันคอเลสเตอร์รอลจากอาหารได้ประมาณ 30% (ส่วนที่เกินจะถูกขับออกจากร่างกายหรือเก็บไว้ในรูปอื่น) และจากที่ตับสังเคราะห์ขึ้นเองอีก 70% ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกระตุ้นจากอารมณ์และความเครียด ดังที่กล่าวแล้ว
•ไขมัน แอล.ดี.แอล. เป็นไขมันที่จะสูงต่ำตามปริมาณไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอเลสเตอร์รอลในเลือด ตับจะทำหน้าที่สังเคราะห์ไขมัน แอล.ดี.แอล. เพื่อช่วยลำเลียงไขมันในเลือด แอล.ดี.แอล.ที่มีปริมาณสูงเกินไปจะทำอันตรายต่อผลังหลอดเลือดแดงให้เกิดระคายเคืองและฝังตัวสะสมอยูในผนังหลอดเลือดแดงทำให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัวและอุดตัน ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่าย
โรคเบาหวานมี 2 ชนิด คือ
เบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุทำให้ตับอ่อนถูกทำลายถาวร จำเป็นต้องรักษาตลอดชีวิต
เบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากการบริโภคอาหารไม่ถูกต้องติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าโรคเบาหวานเป็นกรรมพันธุ์ เมื่อพ่อแม่เป็นตนเองก็คงต้องเป็นโรคนี้ด้วย นับว่าเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั้นแท้จริงแล้วเกิดจากมีพฤติกรรมเลียนแบบการบริโภคตามอย่างพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่กินอะไรก็มักจะให้ลูกกินด้วย เมื่อพ่อแม่ป่วยเป็นโรคเบาหวานก็มีความเป็นไปได้สูงที่ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานไปด้วย เพราะเป็นครอบครัวที่บริโภคแต่อาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และมักไม่ออกกำลังกาย หรือเป็นคนอ้วนทั้งครอบครัว
เด็กในปัจจุบันเริ่มป่วยเป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุเพียง 18 ปีเริ่มปรากฎให้เห็นกันแล้ว เพราะพ่อแม่ขาดความรู้
สาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แท้จริงแล้วเกิดจาก 2 สาเหตุหลัก คือ
1. ร่างกายสะสมน้ำตาล และไขมันส่วนเกินไว้มากเกินไป เนื่องจากการบริโภคอาหารที่ให้พลังงานล้นเกิน
2. น้ำตาลและไขมันส่วนเกินไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน และกลายเป็นสารพิษสะสมอยู่ตามเซลล์ทั่วร่างกาย เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินที่ไม่สามารถนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้สร้างพลังงานให้ร่างกายได้ตามปกติ
ผู้ป่วยเบาหวานจึงมักมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากร่างกายขาดพลังงานทั้งๆที่มีวัตถุดิบคือน้ำตาลอยู่อย่างล้นเกิน เมื่อมีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานานๆอาการของโรคก็จะแพร่ขยายมากขึ้น ทำให้เลือดมีสารพิษสะสมมากยิ่งขึ้นจนมีอาการเลือดเป็นพิษ เกล็ดเลือดช่วยสมานแผลไม่ได้ ดังนั้นเมื่อมีแผลเกิดขึ้นจึงรักษาไม่หายและแผลอาจลูกลามใหญ่โตจนอาจต้องตัดอวัยวะส่วนนั้นทิ้งไป
อาการของโรคหัวใจ โรคต้อกระจก และโรคไตจะเกิดตามมาถ้าผู้ป่วยไม่พยายามควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลง
ผู้ป่วยที่เป็นทั้งโรคเบาหวานและโรคหัวใจเรื้อรังควรระมัดระวังภาวะหัวใจวายโดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้าซึ่งอาจเสียชีวิตอย่างฉับพลันได้ เนื่องจากระบบประสาทอัตโนมัติของผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะบกพร่องจนไม่สามารถรู้สึกถึงอาการวายของหัวใจที่กำลังดำเนินอยู่นั่นเอง
1. ล้างพิษด้วยอาหารที่เป็นธรรมชาติ ประกอบด้วยสารอาหารที่สมดุล และให้พลังงานต่ำ
2. ฟื้นฟูตับและตับอ่อนให้แข็งแรงเพื่อเพิ่มคุณภาพของฮอร์โมนอินซูลินด้วยวิธีโภชนาการบำบัดแบบองค์รวมการมีโภชนาการที่ดีด้วยอาหารที่เป็นธรรมชาติ มีความสมดุลของสารอาหารอย่างพอเหมาะและให้พลังานไม่มากจะช่วยให้ตับสามารถขับสารพิษได้ดีและฟื้นฟูตับอ่อนไปพร้อมๆกัน ถือเป็นวิธีการแก้ปัญหาด้วยหลักโภชนาการบำบัดที่ปลอดภัยเพราะเมื่อสารพิษในร่างกายลดลง สารพิษที่เกาะติดอยู่ตามผนังเซลล์ทั่วร่างกายก็จะถูกกำจัดออกไปด้วย ทำให้ระบบการทำงานของเซลล์กลับมาทำงานได้เป็นปกติ ในขณะที่ฮอร์โมนอินซูลินก็จะมีคุณภาพดีขึ้นเพราะตับอ่อนแข็งแรง เป็นเหตุให้น้ำตาลขยะที่ล้นเกินสามารถถูกระบบในร่างกายกำจัดทิ้ง และน้ำตาลที่ดีจะถูกฮอร์โมนินซูลินนำเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้สร้างพลังงานต่อไป ร่างกายจะรู้สึกสบายตัวและมีกำลังวังชามากขึ้น ระดับน้ำตาลที่สูงจะกลับสู่ปกติได้ในที่สุดด้วยขบวนการที่ร่างกายสามารถปรับสมดุลได้เองตามธรรมชาติ
ที่มา http://www.zegrain.com/knowledge.htm
Wednesday, April 22, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment