Sunday, April 18, 2010
'ผึ้ง-ต่อ' ต่อย ทำไงดี ?
มีคำพยากรณ์ว่าในอนาคตแมลงจะครองพื้นผิวโลกจากการเปลี่ยนแปลงของวัฏสงสารของสิ่งมีชีวิตการฆ่าทำลายล้างกัน มนุษย์ผลิตยาฆ่าแมลงแต่แมลงบางชนิดก็สามารถทนทานยาได้ มนุษย์ต้องใช้ยาฆ่าแมลงที่แรงเพิ่มขึ้นจนมีอันตรายต่อมนุษย์เอง การย้ายถิ่นฐานของแมลงจากการปรวนแปรของสภาพอากาศ มนุษย์บุกรุกทำลายป่าซึ่งเป็นที่อาศัยของแมลง บางครั้งก็นำแมลงมาเป็นอาหาร ดังนั้นแมลงเช่นผึ้งและต่อจึงบุกไล่ป้องกันตัว
รศ.พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาตจวิทยา (ผิวหนัง) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัญหาแมลงกัดต่อยจะมีเพิ่มขึ้นจากจำนวนแมลงที่มีมากขึ้น ความนิยมท่องเที่ยวทะเลและป่าก็เป็นการบุกรุกที่อาศัยของแมลง แมลงบางชนิดไม่มีพิษ แต่เมื่อกัดต่อยจะก่อให้เกิดความรำคาญ หรือบางคนอาจแพ้เป็นตุ่มคัน เช่น ตุ่มคันจากลิ้นทะเลกัดเมื่อเที่ยวชายทะเล หรือแพ้ตัวคุ่นซึ่งเป็นตัวเหลือบเมื่อเที่ยวป่าภาคเหนือ หลายท่านได้ตุ่มคันรุนแรงและเรื้อรังกลับมาเป็นที่ระลึก
ในฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงหยุดพักผ่อนเป็นช่วงที่แมลงชุกชุม และแมลงที่มีพิษ เช่น ผึ้งและต่อก็ออกมาทำรังสะสมอาหาร พิษของผึ้งและต่อรุนแรงมีอันตรายต่อชีวิตได้ เพราะพิษมีสารหลายชนิดซึ่งทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาท เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์เม็ดเลือดแดง มาสต์เซลล์ ซึ่งมีสารหลายชนิด เช่น ฮีสตามินไคคิน และฟอสโฟไลเปสเอ สารเหล่านี้เมื่อหลั่งออกมาทำให้เกิดลมพิษ อาจ เป็นเฉพาะที่หรือกระจายทั่วตัว และถ้าเกิดการบวมในท่อหายใจ ระบบหายใจจะล้มเหลว สาร ยังทำให้ความดันโลหิตตก เกิด อาการช็อกและเสียชีวิตอย่าง รวดเร็ว
ในประเทศสหรัฐอเมริกาประชากรซึ่งเสียชีวิตจากตัวต่อต่อย จะสูงกว่าถูกงูพิษกัด พิษของตัวต่อจะร้ายแรงกว่างูพิษ ตัวต่อมีพิษรวมของพิษงู 3 ชนิด คือ เป็นพิษต่อระบบประสาทเหมือนพิษงูเห่าหรืองูจงอาง และพิษต่อเม็ดเลือดแดงทำให้เม็ดเลือดแดงแตกและเกิดไตวายตายเหมือนพิษงูเขียวหางไหม้ และทำให้กล้ามเนื้อตายเหมือน งูทะเล และยังทำให้ความดันโลหิตตกจนช็อกได้อย่างรวดเร็ว ในพิษยังพบสารโปรตีนกระตุ้นระบบภูมิแพ้ ดังนั้นถ้าเคยถูกต่อยและมีอาการแพ้ การถูกต่อยในครั้งต่อไปจะรุนแรงมากและอันตรายถึงชีวิตได้ ในคนแพ้ผึ้งหรือต่อจึงต้องพกพายาฉีดแก้แพ้ตลอดเวลา
อาการผึ้งหรือต่อต่อยจะเกิดอาการปวดรุนแรงมาก และอาการบวมจะเกิดภายใน 12 ชั่วโมง ถ้ารอยกัดบวมอยู่ใกล้ระบบทางเดินหายใจอาจกดท่อหายใจได้ และภายใน 24 ชั่วโมง อาการคันอย่างรุนแรงจะเกิดตามมา
การปฐมพยาบาลที่แนะนำในหนังสือเพื่อลดอาการปวดจะไม่ค่อยได้ปฏิบัติ เช่น การประคบด้วยน้ำแข็ง หรือการฉีดยาชาแก้ปวดเพราะคงไม่มีใครเตรียมน้ำแข็งและยาชาไปท่องเที่ยวด้วย จากการศึกษาการใช้สิ่งใกล้ตัว เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู สบู่ ครีมทาผิว ผลไม้หลากหลายชนิด หอม กระเทียม ยาสีฟัน ใบหรือรากไม้ ก็ไม่ได้ผล ก็คงต้องรอและร้องไปจนทุเลาเอง คนในภาคอีสานจะใช้หนอนตัวต่อทาคงเป็นอุบายที่จะกินหนอนต่อมากกว่า เพราะการจะได้หนอนต่อคงต้องทำลายรังซึ่งใช้เวลานานอาการปวดคงทุเลา
หลังอาการปวดทุเลาอาการคันที่รุนแรงจะเข้ามาแทน ก็แนะนำให้ใช้ยาทาที่ทำให้เย็นหรือยาทาสเตียรอยด์ และรับประทานยาแก้แพ้แอนตี้ฮีสตามีน แต่จากประสบการณ์ของตัวหมอเองที่ถูกต่อต่อย เมื่อไปฝึกกรรมฐานช่วงเดือน มี.ค. พบว่า ทำตามคำแนะนำก็ไม่ได้ผล เกาจนถลอก จึงลองฝังเข็ม พบว่าอาการคันทุเลา แผลผื่นหายใน 24-48 ชั่วโมง
ส่วนในรายงานอาการรุนแรง เช่น ช็อก ชัก หรือไตวายคงจะต้องมาพบแพทย์ ผึ้งและต่อมักต่อยบริเวณหนังศีรษะและหน้า พบบ่อยในเด็ก ผึ้งจะต่อยครั้งเดียวและฝังเหล็กในและถุงพิษไว้ เมื่อผึ้งต่อยจึงต้องถอนเหล็กในทันทีโดยใช้สันมีดขูดออก ส่วน ต่อต่อยได้หลายครั้ง อันตรายจากการถูกรุมต่อยจะรุนแรง
ขอแนะนำว่าเมื่อทราบว่าถูกต่อหรือผึ้งต่อยให้อยู่นิ่ง ๆ อย่าวิ่ง เพราะต่อและผึ้งจะส่งสัญญาณให้เพื่อน ๆ มาช่วยกันรุม คงต้องเอาเสื้อคลุมหน้าและศีรษะ ถ้าอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และว่ายน้ำเป็นมีหลาย คนแนะนำให้โดดลงและดำน้ำหนี
การไปเที่ยวพักผ่อนในฤดูร้อนนี้การป้องกันคงจะดีที่สุด มีคำแนะนำดังนี้ 1.ควรใส่เสื้อผ้าสีขาว น้ำตาล หรือเขียว อย่าสวมเสื้อสีสดเหมือนสีดอกไม้ หรือเสื้อลายดอกไม้ เพราะตาของผึ้งและต่อจะไวต่อสีมาก 2.งดใช้น้ำหอมหรือเครื่องหอม หรือผลิตภัณฑ์กลิ่นหอม 3.งดการสวมเครื่องประดับ 4.ใส่เสื้อผ้าที่ถ่ายเทอากาศได้ดีเพราะกลิ่นเหงื่อจะดึงดูดแมลง 5.อย่าเด็ดดอกไม้เพราะอาจมีผึ้งหรือต่อดูดน้ำหวานอยู่ 6.สวมรองเท้าหุ้มป้องกัน และเดินอย่างระวังในบริเวณพุ่มไม้ ทุ่งหญ้า กอง ขยะ และตึกร้าง 7.ทายาไล่แมลงบริเวณนอกร่มผ้า 8.ควรให้ความรู้ชนิดของแมลงที่มีอันตรายแก่เด็ก 9.ทำลายรังผึ้งหรือต่อโดยผู้รู้ 10.เตรียมยาแก้แพ้ไว้ประจำตัว และเมื่อถูกต่อยต้องมีสติ พยายามอยู่นิ่ง ๆ ดึงเสื้อคลุมหนังศีรษะ
รศ.พญ.พรทิพย์ กล่าวว่า ผึ้งและต่อเป็นแมลงที่มีประโยชน์ ผึ้งดูดน้ำหวานจากดอกและจะผสมเกสร ส่วนต่อนอกจากดูดน้ำหวานจากดอกไม้ ยังกินแมลงตัวหนอน เนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงอาจช่วยกำจัดแมลงที่ทำลายธัญพืช ทั้งผึ้ง และต่อจะไม่ทำร้ายคน ถ้าไม่ถูกรบกวน โดยเฉพาะจะหวงรัง ดังนั้นอย่าตื่นเต้นกลัว อย่างไรก็ตาม พบว่าการโบกปัดไล่อาจทำให้ต่อตกใจและส่งสัญญาณมารุมกัดได้ ต้องระลึกไว้ว่าทางใครทางมันก็จะอยู่กันได้อย่างสงบสุข.
นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment