ภายใน 3 ชั่วโมง โอกาสรอดสูง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้จะมีผู้โชคร้ายจำนวนมากต้องทุกข์ทรมานและเสียชีวิตจากการเป็นโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ หรือ "โรคหลอดเลือดสมองตีบตันหรืออุดตัน" ซึ่งก็มีสาเหตุหลักๆ มาจากโรคความดันสูงและเบาหวาน แต่ปัจจุบันกลับพบว่าหากผู้ป่วยหรือญาติคนไข้รู้ตัวแล้วรีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องภายใน 3 ชั่วโมง มีโอกาสรอดได้
นพ.จิระพัฒน์ อุกะโชค หัวหน้าศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลพญาไท 3 โรคหลอดเลือดสมองตีบตันหรืออุดตัน คือโรคที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อสมองน้อยลง จนเนื้อสมองส่วนนั้นขาดเลือด ขาดออกซิเจน และสารอาหารต่างๆ ส่งผลให้เนื้อสมองส่วนนั้นทำงานไม่ได้ และถ้าเป็นมากหรือนาน เนื้อสมองส่วนนั้นก็จะตายไปในที่สุด ทำให้เกิดอาการต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าเนื้อสมองส่วนใดขาดเลือดไปเลี้ยง ก็จะแสดงอาการของเนื้อสมองส่วนนั้น อาการที่พบบ่อยก็คือ แขนขาหรือใบหน้าด้านใดด้านหนึ่งชา อ่อนแรงลงหรือขยับไม่ได้เลย เดินเซ เห็นภาพซ้อน พูดไม่ชัด กินสำลัก พูดไม่ได้หรือพูดไม่เป็นภาษา ฟังคนอื่นพูดไม่เข้าใจ อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดหรือรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที หรือบางคนเกิดขึ้นขณะนอนหลับ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีอาการเหล่านี้แล้ว อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วยได้แก่ ปวดหัว เวียนหัว และอาเจียน สำหรับในรายที่เป็นมากอาจมีอาการซึมลงด้วย
"ดังนั้นญาติหรือคนใกล้ชิดพบว่าผู้ป่วยมีอาการต่างๆ เหล่านี้ให้รีบมาพบแพทย์ภายใน 3 ชั่วโมง เนื่องจากเนื้อสมองเป็นเนื้อเยื่อที่ไม่สามารถทนการขาดเลือดและออกซิเจนได้นาน ถ้าไม่มีเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์สมองจะทนได้เพียงประมาณ 5 นาทีเท่านั้นก็จะตายไป ถ้ามีเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงบ้าง แต่ไม่เพียงพอเซลล์สมองก็อาจจะทนได้ประมาณ 3 ชั่วโมงแล้วก็จะตาย จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ เพื่อการรักษาและให้ยาที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการลดอัตราการเกิดโรคอัมพฤต อัมพาต หรือเสียชีวิตได้ดีที่สุด" หัวหน้าศูนย์สมองและระบบประสาท กล่าวย้ำ
ทั้งนี้ นพ.ได้กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันยังไม่มียาหรือวิธีรักษาใดที่จะทำให้เนื้อสมองส่วนนั้นฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ ดังนั้น การให้ยาเพื่อละลายลิ่มเลือดหรือสิ่งที่อุดตันหลอดเลือดสมอง เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเนื้อสมองได้อีกก็จะไม่มีประโยชน์ เพราะช้าเกินไป เนื้อสมองตายไปแล้ว และอาจมีผลเสีย เพราะเนื้อสมองส่วนที่ตายไปอาจทนเลือดที่ไหลเข้าไปเลี้ยงใหม่ไม่ได้อาจเกิดเลือดตกในเนื้อสมองส่วนที่ตายนั้น ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ที่มาhttp://www.thaihealth.or.th/node/9276
Tuesday, March 9, 2010
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment